ของเล่นชิ้นที่จำได้ไม่ลืม

ในวัยเด็กของคุณมีของเล่นที่ชอบเล่นกันไหม ของเล่นที่ผ่านมานานแล้วแต่ตอนนี้ก็ยังจำได้อยู่ บางคนมี บางคนไม่มี หรือแค่อาจจะจำไม่ได้ต้องรื้อฟื้นสักหน่อย ผมจะพาทุกคนย้อนกลับไปชมของเล่นที่ผมจำไม่ลืมในวัยเด็กผ่านมุมมองในปัจจุบัน ที่ตัวผมในวัยเด็กไม่ได้รับรู้แต่มันก็เป็นส่วนประกอบให้มีผมในทุกวันนี้ หากระหว่างทางที่อ่านทุกคนพบกับของเล่นชิ้นนั้นก็ขอแสดงความดีใจด้วยนะ 

ขอผมเล่าเรื่องสมัยเด็กของตัวเองสักหน่อยนะ ตอนเด็กผมเคยมีประสบการณ์ที่ดีกับของเล่นชิ้นหนึ่ง มันเป็นรถไฟไอน้ำ ผมเห็นไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากปล่องรถไฟขณะที่รถไฟกำลังวิ่งไปบนราง ผมดูมันวนไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อ ผมสนุกกับการต่อรางรถไฟ ต่อผิดบ้าง ถูกบ้าง เหล่านี้มันทำให้ผมได้เผชิญกับปัญหา ตอนนั้นกว่าจะต่อรางเสร็จได้ก็ใช้เวลาไปร่วมชั่วโมงเลย หลังจากต่อรางเสร็จแล้วจึงจะได้เห็นรถไฟไอน้ำวิ่งฉิวให้ผมได้ดื่มด่ำไปกับการเฝ้ามอง

เนื้อหาทั้งหมด

ความสำเร็จเล็กๆ จากการเล่น

ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าความสำเร็จนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร มันให้ความรู้สึกแบบไหน สิ่งที่ผมรับรู้ได้มีเพียงความรู้สึกดีใจ ปลื้มปิติและภูมิใจในตัวเอง มารับรู้ได้ว่าที่ผมรู้สึกเมื่อตอนนั้นคือความรู้สึกที่เรียกว่าความสำเร็จก็ตอนที่เติบโตขึ้น แล้วมองนึกย้อนกลับไปนี่เอง

ชั่วขณะที่ผมต่อรางรถไฟผมไม่ได้นึกถึงความยากลำบากของรางที่ต่อเลย ผมเพียงแค่ต่อไปเรื่อยๆ ทีละชิ้นๆ จนกระทั่งชิ้นส่วนของรางหมดลง มองเห็นรูปร่างของรางไม่กลมเสียทีเดียวค่อนข้างรี ดูไปแล้วก็เหมือนกับไข่ไก่ และแล้วช่วงเวลาที่ผมนึกถึงมาตลอดระหว่างการต่อรางรถไฟก็มาถึง รถไฟที่วิ่งบนราง ไชโย ผมหยิบรถไฟไอน้ำขึ้นมาจากนั้นเปิดสวิตซ์ ล้อรถไฟหมุน ส่งเสียงฉึกฉัก ผมวางมันลงบนราง จับจ้องไปที่รถไฟและเมื่อเฝ้าดูมันนานเข้าก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

การเล่นจุดประกายความสงสัยสู่การค้นพบ

ขณะที่เฝ้ามองผมก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าควันที่พวยพุ่งออกมานั้นมันมาจากไหน รถไฟวิ่งได้ยังไง หากผมเอามือไปวางขวางไว้ระหว่างที่รถไฟวิ่งจะเกิดอะไรขึ้น พอเกิดความสงสัยแล้วผมก็ลงมือนำมือไปขวางทางรถไฟทันทีปรากฏว่ารถไฟไม่ได้หยุดเคลื่อนที่ ล้อของมันยังคงหมุนต่อไปแต่ไม่สามารถแล่นตรงไปข้างหน้าได้เพราะมันได้ชนเข้ากับมือของผม ในขณะนั้นผมรู้สึกได้ถึงแรงของรถไฟที่พยายามจะพุ่งไปข้างหน้า แรงของมันทำให้รู้สึกจั๊กจี้ สุดท้ายผมก็นำฝ่ามือออกปล่อยให้รถไฟวิ่งต่อไป แล้วอีกสักพักก็นำมือไปขวางอีก จากนั้นก็ลองนำหนังสือมาขวางบ้าง แล้วก็เปลี่ยนวิธีขวางโดยนำสมุดมาวางไว้ในแนวนอน สมุดนั้นไม่ได้สูงไปกว่าล้อรถไฟนัก ทำให้รถไฟเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยที่ล้อของมันไต่ไปบนสมุดจนตกรางแทน ผมจึงได้ค้นพบวิธีการเล่นแบบใหม่ ปล่อยให้รถไฟวิ่งนอกราง วิธีนี้ทำให้รถไฟวิ่งได้อย่างอิสระ มันตรงไปได้เรื่อยๆ ช่วงแรกผมยังสนุก คอยคลานตามรถไฟ นำกลับมาวางที่จุดเริ่มต้นแล้วก็ตามไปเก็บมาใหม่ จนกระทั่งเหนื่อยจึงนำรถไฟกลับเข้ารางและเฝ้าดูมันอย่างเดิม

ประสบการณ์

ประสบการณ์การเล่น ความคิดและความรู้สึกที่ผมได้เล่นรถไฟไอน้ำ เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำของผม เป็นประสบการณ์ที่เมื่อนึกถึงแล้วทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น แต่ละคนก็คงมีของเล่นสักชิ้นในสมัยเด็กที่ตัวเองเล่น ที่เมื่อผ่านมานานแล้วมันยังคงติดแน่นอยู่ในความทรงจำ บางครั้งเราก็นำปัญหาที่พบระหว่างการเล่นมาใช้อ้างอิงเพื่อก้าวผ่านปัญหาที่คล้ายคลึงกันในชีวิต บางครั้งก็เป็นสิ่งที่โอบกอดเราในวันที่รู้สึกแย่ ปลอบประโลมให้เราผ่านเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้นด้วยประสบการณ์และความทรงจำที่ดีที่เราได้รับจากของเล่นชิ้นนั้น สำหรับบางคนของเล่นชิ้นนั้นอาจเป็นตุ๊กตาสักตัวที่คอยอยู่เคียงข้างทุกเวลา เพื่อเป็นตัวแทนของความสบายใจและความปลอดภัย 

ลองนึกถึงของเล่นสักชิ้นดูนะ

แรงบันดาลใจ

ก่อนที่จะได้เล่นของเล่นที่อยากเล่น ผมมักจะถูกขอให้ทำอย่างอื่นก่อน เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ที่มันสำคัญสำหรับผม แต่ผมไม่อยากทำมันหรอก บางครั้งผมก็โวยวาย วิ่งหนี แต่มันก็จะจบลงตรงที่ผมจะไม่ได้เล่นรถไฟไอน้ำที่ผมอยากเล่น สุดท้ายผมก็ยอมรับและลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่เต็มใจแต่ยินดีที่จะทำมัน อย่างงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ การอาบน้ำแต่งตัวหรือการรับประทานอาหาร ในตอนนั้นผมทำสิ่งเหล่านี้อย่างอิดออด ชักช้า ทำแบบขอไปที แต่สุดท้ายก็ทำมันจนสำเร็จจนได้ ถ้าหากว่าผมไม่มีของเล่นเป็นแรงบันดาลใจ การจะให้ผมทำสิ่งเหล่านี้คงต้องปวดหัวกันนิดหน่อยแน่

ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ

ความคิดสร้างสรรค์ที่ผมได้รับระหว่างการเล่นก็คือ วิธีการเล่นที่แตกต่างจากการเล่นแบบปกติ พลิกแพลงไปมา กลายเป็นการเล่นรูปแบบใหม่ จากที่รถไฟวิ่งบนรางก็นำมาวิ่งกับพื้น นำสิ่งกีดขวางน้ำหนักเบาอย่างบล็อกไม้ชิ้นเล็กมาวางทำให้บล็อกไม้นั้นถูกรถไฟดันไปข้างหน้าจนกระทั่งตกจากราง บางครั้งก็นำบล็อกไม้ไปวางอยู่เหนือรถไฟ จินตนาการว่ารถไฟกำลังบรรทุกไม้ไปส่งตามจุดต่างๆ ที่ผมกำหนดป้ายไว้เองตามทางรถไฟ พร้อมทั้งรับบทเป็นคนตรวจสอบสิ่งของนั้นด้วย

สังเกตและคอยสนับสนุน ถามคำถาม เฝ้ามองอย่างตั้งใจ

กลับมาที่ข้อสงสัยที่ผมได้เขียนไว้ในช่วงแรก เกี่ยวกับควันที่พวยพุ่งออกมาจากปล่องรถไฟหรือที่เราเรียกกันว่าไอน้ำ ถึงผมจะมารู้เอาตอนหลังว่าไอน้ำนั้นเกิดจากอะไร แต่ในตอนที่ยังเด็ก ผมไม่รู้ว่าควรที่จะถามคำถามนั้นอย่างไร จึงจะได้รับคำตอบที่สงสัย ผมได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจ 

พอมานึกย้อนกลับไปแล้วผมก็คิดว่าหากผู้คนรอบข้างสังเกตผมเล่นอย่างตั้งใจ คอยอธิบายเปิดทางให้ค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ คอยถามไปยังจุดต่างๆ เพื่อกระตุ้นความสงสัยและตอบคำถามเหล่านั้นระหว่างการเล่น มันคงทำให้ผมได้รับประสบการณ์การเล่น ความทรงจำดีๆ ความรู้ที่มากขึ้น อย่างมากมาย

ความคาดหวัง

โชคดีที่ผู้คนรอบข้างไม่ได้คาดหวังอะไรจากการเล่นของผม ถ้าหากจะมีก็คงเป็นความสุขสนุกสนานของผม มันจึงทำให้ผมเล่นได้อย่างสบายใจ แตกต่างจากเด็กคนอื่นบางคนที่ได้รับความคาดหวังจากการเล่นจนความสนุกแปรเปลี่ยนเป็นความกดดัน อย่างเช่นของเล่นที่ต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์มากหน่อย ซึ่งเด็กบางคนยังทำได้ไม่ดีนัก พอทำไม่ได้พ่อแม่บางคนก็แสดงออกถึงความไม่พอใจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยที่ไม่ว่าจะทางไหนเด็กก็สามารถรับรู้ได้ ทำให้การเล่นที่สนุกสนานกลายเป็นความเศร้าหมอง เด็กบางคนมีพัฒนาการที่เร็วช้าแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญที่สุดในช่วงวัยเด็กคือการเล่น ขอให้เล่นอย่างสนุกสนานก็พอแล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง เพราะเมื่อสนุกสนานการเรียนรู้ การรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวก็จะเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้พัฒนาได้มากขึ้นนั่นเอง

เวลาที่เศร้าแค่ใช้พลังงานจัดการกับมันก็มากเกินกว่าจะมองหาสิ่งใหม่ได้แล้ว

สรุป

เมื่อได้เล่นของเล่นสักชิ้น สิ่งที่ของเล่นชิ้นนั้นจะพาเราไปพบไม่ใช่แค่เพียงความสนุกสนาน มันยังพาเราไปพบประสบการณ์ แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เป็นกระบวนการที่วนซ้ำไม่รู้จบ และเมื่อเราเล่นเสร็จ สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้จบลงไป แต่มันจะคงอยู่ที่ส่วนหนึ่งในความทรงจำของเรา ที่บางครั้งเราจะนึกถึงและใช้มันเป็นต้นแบบในการเผชิญเรื่องต่างๆ ในชีวิตต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *